Tense คือรูปกิริยาที่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์ต่างๆ หมายความว่า ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
ก็จะมีรูปกิริยา ที่เป็นอดีต (past tense) ถ้าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในสภาวะการณ์ปัจจุบัน
ก็จะมีรูปกิริยาที่เป็นปัจจุบัน (Present Tense) ถ้าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในอนาคต
ก็จะมีรูปกิริยาที่ เป็นอนาคต (Future Tense) โครงสร้างของ Tense ต่างๆ มีดังนี้
1.1 Present Simple Subject + V ช่อง1 +.........
Present Simple Tense
ตัวอย่าง Penrat calls me every day
1.2 Present Continuous S + is, am, are + Vช่อง1 + V -ing +.........
ตัวอย่าง Penrat is cooking
ัตัวอย่าง Penrat has already finished her work
ตัวอย่าง Penrat has been sitting here for one hour
Past Tense
2.1 Past Simple S + Vช่อง 2 +........
ตัวอย่าง Penrat bought a watch yesterday
2.2 Past Continuous S + was, were + Vช่อง1 + V -ing +.........
ตัวอย่าง While Penrat was sleeping her friend called her last night
2.3 Past Perfect S + had +V ช่อง 3...........
ตัวอย่าง Penrat had already eaten by the time I got home last night
2.4 Past Perfect Continuous S + had + been + V-ing........
ตัวอย่าง Penrat had been studying for 2 hours before her friend came<
3.1 Future Simple S + will, shall + Vช่อง1 +.........
ตัวอย่าง Penrat will call me tonight
3 .2 Future Continuous S + will, shall + be +V -ing +.........
ตัวอย่าง Penrat will be sitting in class at this same time tomorrow
3 .3 Future Perfect S + will, shall+ have +V ช่อง 3 +............
ตัวอย่าง Penrat will have eaten by the time her parents arrive tonight
3 .4 Future Perfect Continuous S + will, shall+have + been + V-ing........
ตัวอย่าง Penrat will have been working here for 12 years by the time she resigns
next month
วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
Future Simple Tense
เช่น He will travel to Singapore next year. (เขาจะไปเที่ยวสิงคโปร์ปีหน้า)
หลักการใช้ (be) going to แทน will หรือ shall1. ใช้ (be) going to + V1 แสดงความตั้งใจ แทน will และ
shall เช่น
She is going to buy a car next month.(เธอจะซื้อรถยนต์เดือนหน้า)
2. ใช้ (be) going to + V1 แสดงการคาดคะเน แทน will และ shall เช่น
I think it is going to rain.(ฉันคิดว่าฝนจะต้องตก)
3. ใช้ (be) going to + V1 แสดงข้อความซึ่งเชื่อว่าเป็นจริงโดย
ไม่สงสัย แทน will และ shall เช่น
His wife is going to have a baby.(ภรรยาของเขาจะมีลูกแล้ว)
ห้ามใช้ (be) going to + V1 ในกรณีต่อไปนี้
1. เหตุการณ์ที่เป็นอนาคตอันแท้จริง ต้องเกิดขึ้น ตามธรรมชาติ เช่น
I will be twenty-one next year. ผมจะมีอายุ 21 ในปีหน้า
(ห้ามใช้ :I am going to be twenty-one next year.)
2. ในประโยคที่เชื่อมด้วย If ใช้ได้เฉพาะ will และ shall เท่านั้น
John will be successful if he tries hard.
(ห้ามใช้ John is going to be successful if he tries hard.)
3. กริยาที่แสดงการรับรู้ เช่น
I will remember this experience forever.
(ห้ามใช้ :I am going to remember this experience forever.)
I wish you would love me one day.
(ฉันหวังว่าเธอจะรักฉันซักวันหนึ่ง)
past continuous tense
โครงสร้าง: Subject + was, were + V-ing + Objectหลักการใช้
1. ใช้ในเหตุการณ์ที่แสดงอาการกำลังกระทำในอดีต เช่น
They were speaking in the bookstore.(พวกเขากำลังพูดอยู่ในร้านขายหนังสือ)
She was going to post office.(หล่อนกำลังจะไปที่ทำการไปรษณีย)์
2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่องกันในอดีต เช่น
What were you doing all last summer? (เธอทำอะไรตลอดฤดูร้อนที่แล้วเหรอ?)
I was enjoying myself at the seaside.(ผมรื่นเริงกับการเที่ยวทะเล)
3. เหตุการณ์เกิด 2 เหตุการณ์ ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งดำเนินก่อน และเหตุการณ์ที่สองมาแทรก
มีหลักการ คือ เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ใช้ Past Continuous เหตุการณ์หลังใช้ Past Simple tense เช่น
When I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบ้าน เธอเล่นปิงปองอย)ู่
4. เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต ต้องใช้ Past Con ทั้งคู่ มีคำว่า while หรือ as มาเชื่อม เช่น
I was playing while you were studying. (ฉันกำลังเล่นในขณะที่เธอกำลังเรียน)6. ใช้ในการสมมุติ เป็นข้อแม้ การคาดคะเน แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง เช่น
What would you do if it was raining? (คุณจะทำอย่างไรถ้าฝนกำลังตก?)
5. เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีตที่ระบุไว้ชัดเจน เช่น
They were cleaning the room at eight o'clock yesterday.(พวกเขาทำความสะอาดห้อง 8 โมงเมื่อวาน)
Past Simple Tense
โครงสร้างประโยค Simple past tenseประธาน + simple past form (กริยาช่อง 2)
I went to school yesterday. ฉันไปโรงเรียนเมื่อวานนี้
She visited me last year. หล่อนมาเยี่ยมฉันปีที่แล้ว
หลักการใช้ simple past tense
ใช้กล่าวถึงการกระทำที่เกิดขึ้นและสำเร็จ ( completed action) แล้วในอดีต
ระยะเวลา (duration) ของการกระทำไม่สำคัญ
ตัวอย่าง
I drank coffee after breakfast yesterday.
ฉันดื่มกาแฟหลังอาหารเช้าเมื่อวาน
I watched movie two days ago.
ฉันดูภาพยนตร์เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
ระยะเวลา (duration) ของการกระทำไม่สำคัญ
ตัวอย่าง
I drank coffee after breakfast yesterday.
ฉันดื่มกาแฟหลังอาหารเช้าเมื่อวาน
I watched movie two days ago.
ฉันดูภาพยนตร์เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
Present Perfect Tense
Present Perfect Tense ใช้กับ Adverbs of time ต่อไปนี้ since (ตั้งแต่) , for (เป็นเวลา) , just (เพิ่งจะ), already (เรียบร้อยแล้ว) , yet (ยัง) , recently (เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วงนี้) , lately (เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วงนี้) , never (ไม่เคย) , ever (เคย) , so far (จากบัดนั้นจนบัดนี้) , up to now (จากบัดนั้นจนบัดนี้) , up to the present time (จนถึงปัจจุบัน) ,many times (หลายครั้ง) , several times (หลายครั้ง) , over and over (ครั้งแล้วครั้งเล่า) , at last (ในที่สุด)
หลักการใช้
1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังดำเนินหรือมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since และ for อยู่ด้วย
since (ตั้งแต่) ใช้กับจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นั้นๆ ในอดีต (a point of time in the past)
เช่น since then (ตั้งแต่นั้น) , since yesterday (ตั้งแต่เมื่อวาน) , since six o'clock (ตั้งแต่ 6 โมง) since last month (ตั้งแต่เดือนที่แล้ว) , since Christmas , since World War II , since the beginning of the year , since I was born , since I was young. (หลัง since จะตามด้วย คำ หรือวลี ที่บอกอดีต หรือ จะตามด้วย ประโยคที่มีกริยาเป็นอดีต main clause)
- We have lived in this house since our father died.
- Since he has changed his job , he has been much happier.
- That child has grown very much since I last seen him.
- I have known him since 1990.
- I have never seen him since last year.
- My father has smoked since he was young.
for (เป็นเวลา) ใช้กับจำนวนเวลานับตั้งแต่เหตุการณ์จนถึงขณะที่พูด (a period of time) เช่น for twenty minutes (เป็นเวลา 20 นาที) , for four hours (เป็นเวลา 4 ชั่วโมง) , for years (เป็นปีๆ) , for ages (เป็นเวลานาน) , for the last month (เป็นเวลาตลอดเดือนที่แล้ว), for a long time (เป็นเวลานาน) , for the last two years (เป็นเวลาตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา)1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังดำเนินหรือมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since และ for อยู่ด้วย
since (ตั้งแต่) ใช้กับจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นั้นๆ ในอดีต (a point of time in the past)
เช่น since then (ตั้งแต่นั้น) , since yesterday (ตั้งแต่เมื่อวาน) , since six o'clock (ตั้งแต่ 6 โมง) since last month (ตั้งแต่เดือนที่แล้ว) , since Christmas , since World War II , since the beginning of the year , since I was born , since I was young. (หลัง since จะตามด้วย คำ หรือวลี ที่บอกอดีต หรือ จะตามด้วย ประโยคที่มีกริยาเป็นอดีต main clause)
- We have lived in this house since our father died.
- Since he has changed his job , he has been much happier.
- That child has grown very much since I last seen him.
- I have known him since 1990.
- I have never seen him since last year.
- My father has smoked since he was young.
- Billy hasn't written to me for three days.
- I haven't seen John for many weks.
- They have lived in this district for a long time.
- Mary hasn't eaten any meat for over a year.
(หมายเหตุ - แต่ถ้าข้อความใน main clause เกี่ยวกับระยะเวลาให้ใช้ present simple และ clause หลัง since ให้ใช้ past simple เช่น
- It is (seems) a long time since our last holiday.
- It is eight years since I left university.
- It seems a long time since he left me.
- It is two weeks since I wrote to my boyfriend.
- How long is it since you moved into your new house?
2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งกระทำเสร็จสิ้นใหม่ๆ จะมีคำว่า just , recently (=lately ) = (not long ago) และ
lately ใช้กับประโยคคำถามและปฏิเสธ
- Have you finished your assignment?
- Yes, I have just finished it.
- The results have just been announced.
- He has recently got married.
- Have you been there lately?
3. ใช้กับคำว่า yet และ already
yet (ยัง) ใช้กับ Question , Negative Answer และ Negative Statement
already (เรียบร้อยแล้ว) ใช้กับ Affirmative Statement และ Affirmative Answer
- We have not yet read that book. (Neg. St.)
- Has he come back yet ? (Question)
- No, he has not come back yet. (Neg. Ans.)
- Yes, he has already come back.
- Yes, he has come back already.
**** already เมื่อเป็นการแสดงความประหลาดใจของผู้พูดจะใช้ในประโยคคำถาม
- Have you finished your report already?
Question(คำถาม) Affirmative(บอกเล่า) Negative(ปฏิเสธ)
- just -
yet - yet
already already -
4. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตและยังไม่จบในขณะที่พูด จะมีคำว่า ever , never
ever ใช้กับ Question
never ใช้กับ Negative Statement และ Negative Answer
- Have you ever been to America? (Question)
- No, I have never been there. (Neg. Ans.)
- Yes, I have been there .
- I have never palyed ice-skating. (Neg, St.)
5. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่ได้บ่งเวลาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน จะมีคำว่า up to the present time ,
until now , so far , so far this month , at last,
- Up to the present time we have had no news from John.
- I have received no answer from him so far.
- He has finished his report at last.
6. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำซากหลาย ๆ ครั้ง จะมีคำว่า many times, several times , over and over
- I have been to Hua-Hib many times.
- She has seen "Jurassic Park" several times.
- We have studied Tenses over and over.
7. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดลงแล้ว แต่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคต
- Janet has bought a car so that she will have transportation to work.
- He has studied all day so that he can go to the dance tonight.
8. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งยังไม่สิ้นสุด จะมีคำว่า this month , this yearuntil now , so far , so far this month , at last,
- Up to the present time we have had no news from John.
- I have received no answer from him so far.
- He has finished his report at last.
6. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำซากหลาย ๆ ครั้ง จะมีคำว่า many times, several times , over and over
- I have been to Hua-Hib many times.
- She has seen "Jurassic Park" several times.
- We have studied Tenses over and over.
7. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดลงแล้ว แต่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคต
- Janet has bought a car so that she will have transportation to work.
- He has studied all day so that he can go to the dance tonight.
- Have you had a holiday this year?
- You have done a lot of work this morning.
- I have read two books this week.
9. ใช้ในบทสนทนา จดหมาย รายงาน หนังสือพิมพ์
Conversation --- I have lost my keys. Have you seen them? Yes, I have seen them.
Yes, I saw them yesterday. (ถ้ามีเวลาบอก ใช้ past simple)
Letters - -- Dear James,
I'm sorry that I haven't written to you for such a long time but I have been
very busy working for an examination.
Present Continuous Tense
โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb -ing + ( Object )หลักการใช้
1. เมื่อการกระทำดำเนินอยู่ในปัจจุบัน (ขณะพูด) และต่อเนื่องมาถึงบัดนั้น และจบในอนาคต เช่น
My uncle is listening to the radio.(ลุงของผมกำลังฟังวิทยุ)
What is he doing? (เขากำลังทำอะไรเหรอ?)
2. การกระทำที่เกิดขึ้น ต้องเกิดขึ้นขณะนั้นจริง เช่น
More and more people are using Internet. (ผู้คนเริ่มเล่นอินเทอร์เน็ตมากขึ้นทุกที)
Accidents are happening more and more frequently. (อุบัติเหตุเกิดขึ้นมากและบ่อยขึ้น)
3. แสดงเหตุการณ์ในอนาคต เกิดขึ้นแน่นอน เช่น
We are planning to go to the beach next week. (พวกเราวางแผนจะไปเที่ยวทะเลอาทิตย์หน้า)
She is going abroad next Tuesday. (หล่อนจะไปต่างประเทศวันอังคารหน้า)
4. ถ้าประโยคเชื่อมด้วย and ( 2 ประโยค) ให้ตัด Verb to be ที่อยู่หลัง and ออก เช่น
My father is smoking a cigarette and watching television. (คุณพ่อของฉันกำลังสูบบุหรี่และดูโทรทัศน)์
*กริยาที่นำมาใช้ใน Tense นี้ไม่ได้!!!*
1. กริยาที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น
I see the beautiful mountain.(ฉันดูภูเขาอันงดงาม) ไม่ใช้ I am seeing the beautiful mountain.
2. กริยาที่แสดงถึงภาวะของจิต, แสดงความรู้สึก, ความผูกพัน ไม่นิยมนำมาใช้ เช่น
I know him very well (ผมรู้จักเขาดี) อย่าใช้ : I am knowing him very well.
He believes that taxes are too high.(เขาเชื่อว่าภาษีแพงเกินไป) อย่าใช้ : He is believing that taxes are too high.
หลักการเติม -ing
2). กริยาที่ลงท้ายด้วย EE ให้เติม -ing ได้เลย
3). กริยาที่ลงท้ายด้วย IE ให้เปลี่ยนเป็น Y ก่อน แล้วเติม -ing
4). กริยาที่มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว พยางค์เดียว
เพิ่มตัวสะกดอีกตัวหนึ่ง แล้วเติม -ing
5). กริยาที่มี 2 พยางค์ออกเสียงหนักที่พยางค์หลัง มีสระและตัวสะกดตัวเดียว เพิ่มตัวสะกด แล้วเติม -ing
6). กริยา 2 พยางค์ต่อไปนี้ เพิ่มตัวสะกดเข้ามาแล้วเติม -ing หรือไม่ก็ได้
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Tense
Present Simple Tense
โครงสร้าง : Subject + Verb 1 + (Object)หลักการใช้
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ หรือเหตุการณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เช่น
The sun rises in the east. (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)
The cat has four legs. (แมวมีสี่ขา)
2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เป็นปรกตินิสัย หรือการกระทำนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำ มี Adverb of Frequency แสดง
I have my breakfast everyday. (ผมรับประทานอาหารเช้าทุกวัน)
Everybody wears thick clothes in winter. (ทุกๆ คนสวมเสื้อหนาๆ ในฤดูหนาว)
We go to temple every Sunday. (พวกเราไปวัดทุกๆ วันอาทิตย์)
3. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือสภาพที่เป็นปัจจุบัน เช่น
She understands what you say. (เธอเข้าใจที่คุณพูด)
I have four notebooks in the suitcase. (ฉันมีสมุด 4 เล่มอยู่ในกระเป๋า)
4. ใช้แสดงถึงการกระทำในอนาคต ซึ่งตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะปฏิบัติ
The next semester begins in two weeks. (อีก 2 อาทิตย์จึงจะเปิดเทอมหน้า)
He sets sail on Saturday for Samui. (เขาจะออกเรือไปสมุยในวันเสาร์)
หมายเหตุ* อย่าลืมนะว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม S ห้ามลืมกฎข้อนี้เด็ดขาดนะ!!!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)